4 วิธียกกระชับใบหน้า คืนความอ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องผ่าตัด

Ultraformer III เหมาะกับใคร?

• ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับทั้งบริเวณใบหน้า ลำคอ และเรือนร่าง
• ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยทั่วใบหน้า ที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ
• ผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก หางตาตก หางคิ้วตก แต่ไม่ต้องการผ่าตัดยกกระชับ
• ผู้ที่มีปัญหาเหนียงใต้คาง กรอบหน้าไม่ชัด
• ผู้ที่มีปัญหาร่องลึก เช่น ร่องแก้มลึก แต่ไม่อยากฉีดฟิลเลอร์
• ผู้ที่ต้องการปรับใบหน้าให้เรียว มีความสมมาตรได้สัดส่วนเหมาะสมมากขึ้น
• ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคอลลาเจนใต้ชั้นผิว เพื่อผิวที่ยืดหยุ่นแข็งแรงดูอ่อนเยาว์
• ผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน เนื่องจากมีปัญหารูขุมขนกว้าง
• ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินสะสมตามเรือนร่าง เช่น ต้นแขน หน้าท้อง และต้นขา
• เหมาะกับผู้ที่กลัวเข็ม ไม่ต้องการผ่าตัด และไม่ต้องการฉีดสารเติมเต็มเข้าสู่ใบหน้า

ข้อดีของการทำ Ultraformer III

• ช่วยยกกระชับผิวหน้า แก้ผิวหย่อนคล้อยได้ตรงจุด
• ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย กรอบหน้าชัด
• ช่วยลดริ้วรอย ยกกระชับร่องลึกได้
• มีส่วนช่วยสลายไขมันส่วนเกินสะสม
• ไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำใช้ชีวิตได้ตามปกติ
• เห็นผลได้ทันทีหลังทำ ประมาณ 30%
• ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานถึง 6 เดือน - 1 ปี

ข้อเสียของการทำ Ultraformer III

• ต้องใช้ระยะเวลาในการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูผิว จะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 2-3 เดือนหลังทำ
• เพื่อคงความกระชับเต่งตึงให้อยู่ได้ยาวนาน ควรต้องเข้ารับบริการทุก ๆ 6-12 เดือน
• อาจมีอาการบวม แดง ระบมใต้ผิว แต่จะหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง

ข้อดีของการร้อยไหม

• เห็นผลการยกกระชับผิว ปรับรูปหน้าเรียวทันที
• มีส่วนช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเต่งตึง
• แผลเล็ก ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน
• ไหมที่ใช้เป็นไหมละลาย สามารถเข้ากันได้กับร่างกาย และไม่ทิ้งสารตกค้าง
• มอบผลลัพธ์ผิวอ่อนเยาว์นานสูงสุด 8 เดือน 2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดไหม และการดูแลตัวเอง

ข้อเสียของการร้อยไหม

• มีโอกาสเกิดรอยบุ๋ม ผิวไม่เรียบเนียนหากร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง
• มีโอกาสที่ร่างกายจะสร้างพังผืด ทำให้เนื้อเยื่อหดรั้งและชั้นผิวดูผิดรูปได้
• อาจมีอาการบวม ช้ำ เลือดออกใต้ผิว แต่อาการเหล่านี้จะดีขึ้นภายใน 7-14 วันหลังทำ

3. นวัตกรรมยกกระชับใบหน้า ด้วย Collagen Biostimulator

Collagen Biostimulator หรือนวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจน ตัวช่วยยกกระชับใบหน้าที่มาแรงเป็นอย่างมาก เพราะมีคุณสมบัติทั้งเติมเต็มผิว กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว และบำรุงผิวให้ดูอิ่มฟูกระจ่างใส คืนความอ่อนเยาว์แก่ผิวได้ครบจบในขั้นตอนเดียว และมอบผลลัพธ์ยาวนานสูงสุด 2 ปีเลยทีเดียว

สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน คืออะไร?

สารกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Collagen Biostimulator มีหลายชนิด เช่น PLLA PDLLA CaHA ซึ่งล้วนมีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรง ผิวกระชับ และผิวอิ่มฟูกว่าเคย ตลอดจนช่วยลดเลือนริ้วรอย ลดร่องลึก ยกกระชับใบหน้าให้แลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น

Collagen Biostimulator เหมาะกับใคร?

• ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดความยืดหยุ่น ขาดความกระชับ มีความหย่อนคล้อย
• ผู้ที่มีปัญหาร่องลึก เนื่องจากสูญเสียปริมาตรผิว เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ และแก้มตอบ
• ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยทั่วใบหน้า
• ผู้ที่ต้องการฟื้นบำรุงผิวให้กระชับเต่งตึงแลดูอ่อนเยาว์
• ผู้ที่ต้องการเพิ่มความอิ่มฟู นุ่มเด้งให้ผิวแลดูสุขภาพดี
• ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรง

รวมข้อดี-ข้อจำกัด ของการทำ Collagen Biostimulator มีอะไรบ้าง?

ข้อดีของการทำ Collagen Biostimulator

• ช่วยยกกระชับหน้าที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ
• ช่วยเติมเต็มผิวให้อิ่มฟู ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก
• ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเพื่อผิวยืดหยุ่น เต่งตึงยาวนาน
• ไม่ตกค้างในร่างกาย โอกาสแพ้น้อยกว่าสารเติมเต็มชนิดอื่น
• ผลลัพธ์อยู่ได้นานสูงสุด 2 ปี

ข้อเสียของการทำ Collagen Biostimulator

• ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสารเติมเต็มชนิดอื่น
• ไม่สามารถสลายได้ หากมีการฉีดด้วยเทคนิคที่ไม่เหมาะสมเข้าสู่เส้นเลือด
• อาจมีอาการบวม ช้ำหลังทำ แต่สามารถหายเองได้ภายใน 7-14 วัน

4. นวัตกรรมยกกระชับใบหน้า ด้วยโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า

อีกหนึ่งวิธียกกระชับหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นก็คือ โบท็อกลิฟกรอบหน้า ที่จะช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึง นิยมทำบริเวณกรอบหน้าเพื่อให้เห็นกรอบหน้าชัดมีมิติมากยิ่งขึ้น

โบท็อกลิฟกรอบหน้า (Dermolift) คืออะไร?

โบท็อกลิฟกรอบหน้า หรือการฉีดสาร Botulinum Toxin ด้วยเทคนิค Dermolift ที่จะฉีดโบท็อกในชั้นผิวหนังแท้ บริเวณแนวกรอบหน้า โหนกแก้ม ใต้คาง และบริเวณที่มีริ้วรอย เพื่อให้เกิดการยกกระชับหน้า ได้ผลลัพธ์ผิวที่เต่งตึง และมีกรอบหน้าชัดมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นคอลลาเจนทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์กว่าเดิมได้อีกด้วย

ซึ่งการฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า จะแตกต่างจากการฉีดโบท็อกทั่วไป เพราะการฉีดโบท็อกธรรมดาจะฉีดเข้าชั้นกล้ามเนื้อ มุ่งเน้นเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว จึงทำให้ริ้วรอยจางลง และมีขนาดกรามที่เล็กลงนั่นเอง

โบท็อกลิฟกรอบหน้า เหมาะกับใคร?

• ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับในระดับปานกลาง
• ผู้ที่กังวลปัญหากรอบหน้าไม่ชัด
• ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย มีมิติ
• ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าแบบเห็นผลเร็ว โดยไม่ต้องผ่าตัด หรือเสียเวลาพักฟื้น

รวมข้อดี-ข้อจำกัด ของการทำโบท็อกลิฟกรอบหน้า มีอะไรบ้าง?

ข้อดีของการทำโบท็อกลิฟกรอบหน้า

• เห็นผลการเปลี่ยนแปลงไว
• ใช้ระยะเวลาในการเข้ารับบริการไม่นาน
• สามารถช่วยแก้ปัญหากรอบหน้าไม่ชัดได้ พร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
• ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

• ไม่ควรฉีดบ่อย เพราะอาจทำให้ดื้อโบท็อกได้
• การฉีด Dermolift ผลลัพธ์อยู่ได้เพียง 3-4 เดือนขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคล

จะเลือกวิธีไหนยกกระชับใบหน้าดี?

จะเห็นได้ว่ามีวิธียกกระชับหน้าที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าไม่มั่นใจว่าปัญหาผิวที่คุณกำลังเผชิญอยู่นั้นเหมาะสำหรับวิธียกกระชับผิวหน้าแบบไหน? สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Dr. Chom Clinic ได้เลย เพื่อการรักษาอย่างตรงจุด และให้ประสิทธิภาพในการรักษาตรงตามความต้องการของคนไข้มากที่สุด

เรามีบริการยกกระชับผิวที่ครบครันทั้งโปรแกรมฉีดโบท็อก ร้อยไหม ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน และโปรแกรม Ultraformer III สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาความงามได้ฟรี ผ่านช่องทางเหล่านี้